แนวข้อสอบ ธกส 100 ข้อ
จงหาคำที่ไม่เข้าพวก
แต่ละข้อจะให้คำมา 5 คำ จากข้อ ก ข ค ง และ จ จากคำ 5 คำจะมีอยู่ 4 คำ ที่มีความหมายเป็นพวกเดียวกันหรือประเภทเดียวกัน แต่จะมีคำหนึ่งที่แตกต่างออกไป ไม่เข้าพวกกับคำอื่น ให้ท่านเลือกคำที่“ไม่เข้าพวก” นี้เป็นคำตอบดังตัวอย่าง
1. ก. เปรี้ยว ข. หวาน ค. มัน ง. เค็ม จ. ฉุน
ตอบ จ. ฉุน
วิเคราะห์
เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ฉุน เป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวกับอาหาร เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม นั้น เป็นการรับรู้รสของอาหารโดยลิ้น ส่วน ฉุน เป็นการรับรู้กลิ่นของอาหารโดยจมูก
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ จ. ฉุน
2. ก. แตกกระจาย ข. แตกต่าง ค. แตกแยก ง. แตกสลาย จ. แตกหัก
ตอบ ข. แตกต่าง
วิเคราะห์ โจทย์ข้อนี้น่าสนใจ เราต้องมาดูความหมายของคำต่างๆ ก่อน
คำว่า “แตก” พจนานุกรมให้ความหมายไว้ดังนี้
แตก ก. แยกออกจากส่วนรวม เช่น แก้วแตก ชามแตก,ทําให้แยกออกจากส่วนรวม เช่น แตกสามัคคี แตกหมู่คณะ;คุมหรือควบคุมไว้ไม่อยู่ เช่น แตกฝูง ไฟธาตุแตก ใจแตก ตบะแตก;ปะทุ เช่น ถ่านแตก; ผลิ เช่น แตกกิ่งก้าน แตกใบอ่อน แตกหน่อ;ไหลออกมาเอง เช่น เหงื่อแตก เยี่ยวแตก ขี้แตก;มีรอยแยก, แยกออกเป็นรอย, เช่น กําแพงแตก หน้าขนมแตก;เรียกผู้อ่านหนังสือออกคล่องว่า อ่านหนังสือแตก,เรียกเสียงห้าวเมื่อเริ่มเป็นหนุ่มว่า เสียงแตก,เรียกอาการที่พูดจนแสบคอหรือตะโกนดังจนสุดเสียงว่า พูดจนคอแตก ตะโกนจนคอแตก.
ความหมายของคำตอบในตัวเลือก
แตกกระจาย ไม่มีความหมายในพจนานุกรม
แตกต่าง ก. ไม่เหมือนกัน, ผิดกัน.
แตกแยก ก. แตกสามัคคี.
แตกสลาย ไม่มีความหมายในพจนานุกรม
แตกหัก ว. เด็ดขาดถึงที่สุดไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่งเป็นได้รู้ดีกัน เช่น รบขั้นแตกหัก เจรจาขั้นแตกหักฉาดฉานถึงที่สุดไม่มีอะไรคลุมเครือ เช่น พูดแตกหัก.
จะเห็นได้ว่า แตกกระจาย แตกแยก แตกสลาย แตกหัก ยังมีความหมายหลักๆ ในคำว่า “แตก” แยกออกจากส่วนรวม
ส่วน แตกต่าง ก. ไม่เหมือนกัน, ผิดกัน.นั้น ความหมายไม่เหมือนกับอีก 4 คำข้างต้น
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ข. แตกต่าง
3. ก. ตัด ข. เฉือน ค. แทง ง. หั่น จ. สับ
ตอบ ค. แทง
วิเคราะห์
ตัด เฉือน หั่น สับ เป็นกริยาที่ใช้อุปกรณ์ เช่น มีด เป็นต้น กระทำต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทิศทางบนสู่ล่าง และต้องการให้สิ่งนั้นแยกออกจากกัน
ส่วน “แทง” นั้น ส่วนใหญ่ เป็นกริยาที่ใช้อุปกรณ์ เช่น มีด เป็นต้น กระทำต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระดับเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ไม่ต้องการให้สิ่งนั้นแยกออกจากกัน
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ค. แทง
4. ก. ชก ข. ต่อย ค. ตบ ง. ทุบ จ. เตะ
ตอบ จ. เตะ
วิเคราะห์
ชก ต่อย ตบ ทุบ เป็นกิริยาอาการที่ใช้มือกระทำ ส่วน เตะ ต้องใช้เท้ากระทำ
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ จ. เตะ
5. ก. ข้าวเจ้า ข. ข้าวโพด ค. ข้าวฟ่าง ง. ข้าวกล้อง จ. ข้าวสาลี
ตอบ ง. ข้าวกล้อง
วิเคราะห์
ข้าวเจ้า ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี เป็นชื่อของข้าวชนิดต่างๆ ส่วน ข้าวกล้อง พจนานุกรมให้ความหมายไว้ ดังนี้
น. ข้าวที่สีเอาเปลือกออกโดยยังมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวอยู่, เดิมใช้วิธีใส่ครกตำเรียกว่า ข้าวซ้อม หรือ ข้าวซ้อมมือ.
จะเห็นว่า ข้าวกล้องนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากข้าวอีกทีหนึ่ง
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ง. ข้าวกล้อง
6. ก. ปลากริม ข. ปลาจ่อม ค. ปลาเจ่า ง. ปลาร้า จ. ปลาส้ม
ตอบ ก. ปลากริม
วิเคราะห์
ปลาจ่อม ปลาเจ่า ปลาร้า ปลาส้ม เป็นชื่ออาหารที่ทำจากปลา ส่วน ปลากริม เป็นชื่อของขนม
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก. ปลากริม
7. ก. เก๋ ข. เก่ง ค. งาม ง. สวย จ. หล่อ
ตอบ ข. เก่ง
วิเคราะห์
เก๋ งาม สวย หล่อ เป็นคำวิเศษณ์ที่บรรยายในด้านร่างกาย ส่วน เก่ง พจนานุกรมให้ความหมายไว้ ดังนี้
ว. สามารถในทางใดทางหนึ่ง เช่น เก่งคํานวณ เรียนเก่ง, เป็นเช่นนั้นบ่อย ๆ, มักเป็นเช่นนั้น, เช่นเป็นหวัดเก่ง หลับเก่งลืมเก่ง.
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ ข้อ ข. เก่ง
8. ก. ครบครัน ข. สมบูรณ์ ค. สุขใจ ง. อุดม จ. เหลือเฟือ
ตอบ ค. สุขใจ
วิเคราะห์
ครบครัน สมบูรณ์ อุดม เหลือเฟือ เป็นคำวิเศษณ์ที่ใช้บรรยายลักษณะทางกายภาพ ส่วน สุขใจ เป็นคำที่บรรยายถึงสภาวะทางจิตใจว่า กำลังมีความสุข
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ ข้อ ค. สุขใจ
9. ก. กระเจี๊ยบ ข. กระบุง ค. กระป๋อง ง. กระเป๋า จ. กระโถน
ตอบ ก. กระเจี๊ยบ
วิเคราะห์
กระบุง กระป๋อง กระเป๋า กระโถน เป็นของใช้ ส่วน กระเจี๊ยบ เป็นพืช
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ ข้อ ก. กระเจี๊ยบ
10. ก. หน้าเป็น ข. หน้าเลือด ค. หน้าใหญ่ ง. หน้าร้อน จ. หน้าม้า
ตอบ ง. หน้าร้อน
วิเคราะห์ พจนานุกรมให้ความหมายของคำว่า “หน้า” ไว้ดังนี้
น. ส่วนของศีรษะตั้งแต่หน้าผากลงมาจดคาง; ซีกของกายที่ตรงข้ามกับหลัง, ด้านของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับสายตาของเราหรือด้านที่เผชิญหน้ากับสายตาของเรา เช่น เขาวิ่งอยู่หน้าฉัน จึงเห็นแต่หลังเขาไว ๆ;ส่วนบนของบางสิ่ง เช่น หน้าขนม ข้าวเหนียวหน้าสังขยาหน้าปกหนังสือ;เครื่องปรุงที่แต่งหรือโรยบนอาหารบางอย่าง เช่นกระเทียมเจียวโรยหน้าข้าวต้ม;ด้านหนึ่ง ๆ ของวัตถุแบน ๆ อย่างกระดาษ เช่น หน้ากระดาษ หน้าซอง,ด้านของเครื่องตีที่ขึงด้วยหนังเช่น หน้ากลอง,ด้านหนึ่ง ๆ ของลูกเต๋าและนํ้าเต้าซึ่งมี ๖ ด้าน;ส่วนกว้างของแผ่นกระดาน เสาเหลี่ยมหรือผืนผ้า เป็นต้น;ชายผ้าบางชนิดที่มีลวดลาย, ด้านของผ้าที่มีลวดลายชัดกว่า;คราว เช่น เมื่อข้าวสุกแล้วก็ถึงหน้าเก็บเกี่ยว,ฤดู เช่น หน้าฝน หน้าทุเรียน;โดยปริยายหมายถึงคนเช่น เขาสู้ทุกคนไม่ว่าหน้าไหน;เกียรติและศักดิ์ศรี เช่น เห็นแก่หน้าไม่ไว้หน้า;ลักษณนามบอกจํานวนด้านของแผ่นกระดาษ เช่น หนังสือเล่มนี้มี ๒๐๐ หน้า.
ว. ถัดไป เช่น อาทิตย์หน้า ฉบับหน้า; ตรงข้ามกับหลัง (ใช้แก่เวลาที่ยังมาไม่ถึง) เช่น วันหน้า เดือนหน้า ปีหน้า, อยู่ตรงข้ามกับข้างหลัง เรียกว่า ข้างหน้า.
หน้าเป็น หน้าเลือด หน้าใหญ่ หน้าม้า เป็นคำอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ ส่วน หน้าร้อน ใช้ในความหมายของ “ฤดู เช่น หน้าฝน หน้าทุเรียน;”
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ ข้อ ง. หน้าร้อน
11. ก. แตร ข. ขลุ่ย ค. แคน ง. ซอ จ. ปี่
ตอบ ง. ซอ
เหตุผล ซอใช้วิธีสี ส่วนข้ออื่น ใช้วิธีเป่า
12. ก. ซอ ข. ขิม ค. จระเข้ ง. ระนาด จ. ไวโอลิน
ตอบ ง. ระนาด
เหตุผล ระนาดไม่มีสายเป็นส่วนประกอบเหมือนข้ออื่น
13. ก. สะล้อ ข. ซอ ค. ซึง ง. กลอง จ. จะเข้
ตอบ ง. กลอง
เหตุผล กลองเป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ทำด้วยแผ่นหนังขึงยึดติดกับโครงให้ตึง ทำให้เกิดเสียงโดยการตีด้วยไม้ ไม่มีสายเหมือนเครื่องดนตรีชนิดอื่น
14. ก. จิ้งจก ข. กิ้งก่า ค. กิ้งกือ ง. ตะกวด จ. จระเข้
ตอบ จ. จะเข้
เหตุผล จระเข้เป็นสัตว์ที่ทำอันตรายคนได้ ข้ออื่นไม่มีอันตราย
15. ก. ม้า ข. หมู ค. หมี ง. แมว จ. หมา
ตอบ ค. หมี
เหตุผล เพราะหมีเป็นสัตว์ป่า ส่วนข้ออื่นๆ เป็นสัตว์เลี้ยง
16. ก. ปลาทู ข. ปลาทอง ค. ปลากะพง ง. ปลากระบอก จ. ปลานวลจันทร์ทะเล
ตอบ ข. ปลาทอง
เหตุผล ปลาทองเป็นปลาน้ำจืด ส่วนข้ออื่นเป็นปลาทะเล
17. ก. NYU ข. GขP ค. THข ง. คNY จ. กUง
ตอบ ก. NYU
เหตุผล NYU เป็นมหาวิทยาลัย ที่เหลือเป็นสกุลเงิน
18. ก.ปูม้า ข.ปลาทู ค.หอยโข่ง ง.กุ้งมังกร
ตอบ ค.หอยโข่ง (เป็นหอยน้ำจืด)
19. ก.น้ำหวาน ข.น้ำเชื่อม ค.น้ำอัดลม ง.น้ำใบบัวบก
ตอบ ข.น้ำเชื่อม (เป็นส่วนผสม แต่ข้ออื่นเป็นเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ )
20. ก.ชมพู่ ข.ราตรี ค.กุหลาบ ง.ขุนทอง
ตอบ ง.ขุนทอง (เป็นชื่อนก อย่างอื่นเกี่ยวกับดอกไม้)
ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
คำชี้แจง ข้อ 1-5 พิจารณาเลือกคำที่เข้าพวกกับกลุ่มที่กำหนดให้
1. ฟุต เมตร หลา ........................
1) วา 2) กรัม
3) ลิตร 4) กิโลกรัม
ตอบ 1 ฟุต เมตร หลา และวา เป็นมาตรการวัด แต่ กรัม ลิตร กิโลกรัมเป็นมาตราการชั่งตวง
2. น้อยหน่า แตงโม มะละกอ ....................
1) มะพร้าว 2) ขนุน
3) เงาะ 4) สับปะรด
ตอบ 2 ขนุนเป็นผลไม้ประเภทเดียวกัน น้อยหน่า แตงโม มะละกอ เนื่องจากใช้เกณฑ์ผลไม้ที่มีเมล็ดภายในมากกว่า 1
3. พริก กระเทียม หัวหอม............................
1) ผักกาดขาว 2) แตงกวา
3) มะเขือเทศ 4) ตะไคร้
ตอบ 4 พริก กระเทียม หัวหอม ตะไคร้ เป็นพืชที่ใช้เป็นเครื่องเทศ
4. ฆ้อง กลอง ขิม .........................
1) ฉิ่ง 2) กรับ
3) ระนาด 4) ฉาบ
ตอบ 3 ฆ้อง กลอง ขิม ระนาด เป็นเครื่องดนตรีที่เล่นโดยใช้ไม้ตี 1), 2) และ 4) เล่นโดยใช้ตัวเครื่องดนตรีตีกันเอง
5. โต๊ะ เตียง เก้าอี้............................
1) ตู้ 2) ตั่ง
3) กล่อง 4) ลิ้นชัก
ตอบ 2
คำชี้แจง ตั้งแต่ 6 - 26 ให้พิจารณาสรุปความจากข้อความที่กำหนดให้ในแต่ละข้อ
6. รถติดเพราะฝนตก แต่วันนี้ฝนไม่ตก ฉะนั้น
1. รถไม่ติด 2. รถอาจจะติด 3. วันนี้ไม่มีฝน 4. วันนี้แดดจัด
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 5
แนวคิด รถติด เพราะฝนตก อาจตีความได้ว่า ถ้าฝนตกแล้วรถติด แต่วันนี้ฝนไม่ตก จึงสรุปแน่นอนไม่ได้
7. ถ้ามีเงินเขาจะซื้อรถ แต่เขาไม่ซื้อรถ ฉะนั้น
1. เขาไม่มีเงิน 2. เขาไม่อยากขับรถ 3. เขาขับรถไม่เป็น 4. เขาซื้อบ้านก่อนซื้อรถ
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 1
แนวคิด ถ้ามีเงินจะซื้อรถ แต่เขาไม่ซื้อรถ แสดงว่าเขาไม่มีเงิน
แสดงตามรูปแบบตรรกศาสตร์ได้ดังนี้
8. เมื่อเล็กๆ เขาเป็นคนเรียบร้อย เดี๋ยวนี้เขาเป็นคนเกเร ฉะนั้น
1. คนเรียบร้อยคือคนเกเร 2. คนเรียบร้อยดีกว่าคนเกเร
3. เขาเคยเป็นคนเรียบร้อย 4. เขาเป็นคนเกเรมากๆ
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 3
แนวคิด เมื่อเล็กๆ เขาเป็นคนเรียบร้อย แสดงว่า เขาเคยเป็นคนเรียบร้อยมาก่อนในอดีต
9. เมือง ก. อยู่เหนือเมือง ข. เมือง ข. อยู่ใต้เมือง ค. เมือง ค. อยู่เหนือเมือง ง. และเมือง ก. อยู่ใต้เมือง ง. ดังนั้นเมืองอะไรอยู่เหนือสุด
1. เมือง ก. 2. เมือง ข. 3. เมือง ค. ง. เมือง ง.
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 3. เมือง ค.
แนวคิด แสดงแผนผังได้ดังนี้
เมือง ค อยู่เหนือสุด
10. พ่อดื่มชาหรือกาแฟตอนเช้าทุกวัน เช้านี้พ่อไม่ดื่มชา ฉะนั้น
1. พ่อดื่มน้ำส้ม 2. พ่อดื่มกาแฟ 3. พ่อไม่ดื่มอะไร 4. พ่อรีบไปทำงาน
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 2
แนวคิด ทุกวันพ่อจะต้องดื่มชาหรือกาแฟอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เช้านี้พ่อไม่ดื่มชา แสดงว่าพ่อต้องดื่มกาแฟแน่นอน แสดงด้วยรูปแบบของตรรกศาสตร์ ได้ดังนี้
P แทน พ่อดื่มชา q แทนพ่อดื่มกาแฟ
เหตุ 1. P q ( P หรือ ช)
2. (พ่อไม่ดื่มชา)
ผล q (พ่อดื่มกาแฟ)
11. ถ้าเขาสอบบรรจุได้เขาจะเป็นข้าราชการ แต่เขาบรรจุไม่ได้ ฉะนั้น
1. เขาไม่ได้ทำงาน 2. เขาทำข้อสอบไม่ได้
3. เขาไม่ได้เป็นข้าราชการ 4. เขาไปเรียนต่อเมืองนอก
ตอบ 5
แนวคิด เขาสอบบรรจุไม่ได้ เขาจะเป็นอย่างไรนั้น สรุปไม่ได้แน่นอน ตามรูปแบบของการให้เหตุผลในวิชาตรรกศาสตร์
เหตุ 1. P q (ถ้าเขาสอบได้เขาจะเป็นข้าราชการ)
2. (เขาสอบบรรจุไม่ได้)
ผล สรุปไม่ได้
12. นกทุกตัวบินได้ กาบินได้ ฉะนั้น
1. กามีปีก 2. การเป็นนกชนิดหนึ่ง 3. นกเป็นกาชนิดหนึ่ง
4. กาบินสูงกว่านก 5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 5.
แนวคิด นกทุกตัวบินได้ กาบินได้ เป็นไปได้หลายกรณี คือ
13. นิดสูงกว่าดำ ดำสูงกว่าหมู หน่อย ดำ และขาวสูงเท่ากัน เขียวเตี้ยกว่าขาว แต่สูงกว่าหมู ใครสูงที่สุด
1. นิด 2. ดำ 3. ขาว 4. เขียว 5. หน่อย
ตอบ 1.
แนวคิด แสดงได้ด้วยแผนภาพ
นิดสูงที่สุด
14. แนวรั้วขนานกับแนวกำแพง ถนนตั้งฉากกับแนวกำแพง ฉะนั้นถนนอยู่ในแนวใด
1. ขนานกับแนวรั้ว 2. ตั้งฉากกับแนวรั้ว 3. ขนานกับแนวกำแพง
4. สามสิ่งนี้ขนานกันหมด 5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 2
แนวคิด แสดงให้เห็นชัดเจนด้วยแผนภาพ
ถนนตั้งฉากกับแนวรั้ว
15. ปลาทุกตัวว่ายน้ำได้ นกบางตัวเป็นปลา ฉะนั้น
1. นกทุกตัวว่ายน้ำได้ 2. นกบางตัวว่ายน้ำได้
3. ปลาบางตัวเป็นนก 4. นกบางตัวว่ายน้ำไม่ได้
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 2
แนวคิด สรุปได้ว่าวงนกบางส่วนเป็นส่วน
หนึ่งของวงปลา เพราะข้อความกำหนดว่า นกบางตัว
เป็นปลา และปลาทุกตัวว่ายน้ำได้ ฉะนั้น มีนกบางตัวว่ายน้ำได้
16. คนทุกคนมีเขาอยู่บนศีรษะ สุชาติเป็นคน ฉะนั้น
1. สุชาติต้องตาย 2. สุชาติมีเขาอยู่บนศีรษะ
3. สุชาติเป็นควาย 4. สุชาติเป็นคนประหลาด
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 2
แนวคิด จากแผนภาพ สุชาติเป็นคน และคนทุกคนมีเขาอยู่บนศีรษะ ดังนั้นสุชาติต้องมีเขาอยู่บนศีรษแน่นอน
17. ส้มราคากิโลละ 12 บาท เงาะราคากิโลละ 15 บาท มะปรางราคากิโลละ 14 บาท ฉะนั้น
1. ส้มเปรี้ยวกว่ามะปราง 2. มะปรางเปรี้ยวกว่าเงาะ
3. เงาะรสหวานกว่าส้มและมะปราง 4. เงาะราคาแพงกว่าส้มและมะปราง
5. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 4
แนวคิด จากการเปรียบเทียบราคา จะเห็นว่า เงาะราคาแพงกว่าส้ม และมะปราง
18. เมื่อวานซึนเป็นวันพุธ วันมะรึนเป็นวันที่ 18 วันที่ 25 จะเป็นวันอะไร
1) อาทิตย์ 2) จันทร์
3) ศุกร์ 4) เสาร์
ตอบ 1 วันมะรึนตรงกับวันที่ 18 แสดงว่าวันนี้เป็นวันที่ 16 ขณะที่เมื่อวานซึนเป็นวันพุธ แสดงว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ นั่นคือวันที่ 16 ตรงกับวันศุกร์ ฉะนั้นวันที่ 25 จะตรงกับวันอาทิตย์
19. ถ้าแดดไม่ออกแล้วฝนตก แต่ฝนไม่ตก ฉะนั้น
1. แดดออก 2. แดดไม่ออก 3. ไม่ใช่ฤดูฝน 4. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 1
แนวคิด อยู่ในรูปแบบ P Q และ
ตามหลักตรรกวิทยา
20. สัตว์สี่เท้าทุกตัวบินได้ ปลาเป็นสัตว์สี่เท้า ฉะนั้น
1. ปลาว่ายน้ำได้ 2. ปลาเป็นสัตว์สี่เท้า 3. ปลาบินได้ 4. สรุปแน่นอนไม่ได้
ตอบ 3
แนวคิด ปลาบินได้ตามแผนภาพ
ความรู้ความสามารถทั่วไป
คำชี้แจง ตั้งแต่ข้อ 1 – 5 ให้ท่านพิจารณาหาจำนวนเลข จำนวนถัดไปเติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. 3 6 7 10 12 15 …………
1. 14 2. 16 3. 18 4. 20
เฉลยข้อ 3
แนวคิด
2. 1 2 6 21
1. 63 2. 86 3. 88 4. 89
เฉลยข้อ 3
แนวคิด 1 2 6 21
ตัวคูณ
3. 3 5 2 7 11 4 9 17 ………….
1. 24 2. 20 3. 10 4. 8
เฉลยข้อ 4
แนวคิด สังเกตตัวเลขเป็นชุดๆ ดังนี้
แต่ละชุดจะมี 3 จำนวน
จำนวนกลาง ลบ จำนวนหน้า = จำนวนหลัง
5 – 3 = 2
11 - 7 = 4
ดังนั้น 17 - 9 = 8
4. 0 5 22 57 ………
1. 114 2. 116 3. 120 4. 126
เฉลยข้อ 2
แนวคิด
การเพิ่มของตัวเลขเป็นไปตามแผนผังซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย การเพิ่มของตัวเลขจะเป็น 6 คงตัวในที่สุดเราจะได้ 116 เป็นตัวเลขในลำดับต่อไป
ซึ่งเกิดจาก 57 + 59 = 116 นั่นเอง
5. 4 2 4 4 4 6 ……….
1. 4 2. 6 3. 7 4. 8
เฉลยข้อ 1
แนวคิด อนุกรมชุดนี้ประกอบด้วยอนุกรมย่อย 2 ชุด สลับกันดังนี้
ชุดแรกเป็น 4 ตลอด
ชุดหลังเป็น 2, 4 , 6 , 8
ตัวเลขถัดไปของอนุกรมหลัก คือ 4 ของอนุกรมย่อยชุดแรก
คำชี้แจง ตั้งแต่ข้อ 6 – 10 ให้ท่านพิจารณาจำนวนเลข เติมลงในตำแหน่งที่มีเครื่องหมาย?
6.
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
เฉลยข้อ 4
แนวคิด จำนวนกลาง = ผลบวกของจำนวนข้างนอกยกกำลังสอง
7.
1. 6 2. 9 3. 15 4. 30
เฉลยข้อ 3
แนวคิด
8.
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
เฉลยข้อ 4
แนวคิด พิจารณาตัวเลขตามแนวนอน ตังที่หนึ่งและตัวที่สองเหมือนกัน ส่วนตัวที่สามเกิดจากตัวที่หนึ่ง คูณตัวที่สอง
แถวที่ 1 4 4 16 (16 = 4 4)
แถวที่ 2 3 3 9 (9 = 3
3)
แถวที่ 3 2 2 4 (4 = 2
2)
9.
1. 7 2. 8 3. 9 4. 10
เฉลยข้อ 3
แนวคิด พิจารณาตามแนวนอนตัวเลขเพิ่มขึ้นครั้งแรก 1 และครั้งหลัง 2
ส่วนตัวเลขตามแนวตั้งจากบนลงล่างจะเพิ่มครั้งแรก 2 และ ครั้งหลัง 3
10.
1. 144 2. 154 3. 168 4. 216
เฉลยข้อ 4
แนวคิด แนวนอนเกิดจากเอา 3 คูณตัวทางซ้าย
หรือพิจารณาตามแนวตั้งตัวล่างเกิดจากเอา 2 คูณตัวบน
คำชี้แจง ตั้งแต่ 11 – 15 ให้ท่านพิจารณาดูว่าเลขที่หายไปในตาราง คือ จำนวนใดจาก 1- 4
11.
1. 10 2. 12 3. 18 4. 20
เฉลยข้อ 1
แนวคิด
เพิ่มครั้งละ 4 สลับกันตามลูกศร
12.
1. 3 2. 6 3. 9 4. 12
เฉลยข้อ 3
แนวคิด จำนวนเลขแต่ละคู่จำนวนมากเกิดจากการยกกำลังสองของจำนวนที่น้อยกว่า
ดังนั้น 32 = 9
13.
1. 0 2. 1 3. 2 4. 10
เฉลยข้อ 1
แนวคิด จำนวนเลขแต่ละคู่บน – ล่าง รวมกันจะได้ 20 ทุกคู่
ดังนั้น 20 + 0 = 20
14.
1. 22 2. 24 3. 26 4. 28
เฉลยข้อ 3
แนวคิด ผลต่างของจำนวนเลขแต่ละคู่บน – ล่างเป็นดังนี้
ผลต่างเพิ่มครั้งละ 2
ดังนั้น จำนวนเลขในช่องว่าง คือ 26 เพราะว่า 48 – 26 = 22
15.
1. 24 2. 48 3. 64 4. 66
เฉลยข้อ 4
แนวคิด ตัวเลขในช่องว่างเกิดจากตัวเลขบนยกกำลังสองแล้วบวกด้วย 2 ดังนี้
02 + 2 = 2 62 + 2 = 38
22 + 2 = 6 ดังนั้น 82 + 2 = 66
42 + 2 = 18
คำชี้แจง ตั้งแต่ข้อ 16 – 25 ให้ท่านพิจารณาหาคำตอบที่ถูกต้องของแต่ละข้อ จาก 1-4
16. เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ดำรัสอายุ 15 ปี อีก 15 ปีข้างหน้า ดำรัสจะมีอายุเท่าไร่
1. 30 ปี 2. 35 ปี 3. 40 ปี 4. 45 ปี
เฉลยข้อ 3
แนวคิด เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ดำรัสอายุ 15 ปี
ดังนั้น ปัจจุบัน ดำรัสอายุ 10 + 15 = 25 ปี
อีก 15 ปีข้างหน้า ดำรัสจะมีอายุ 25 + 15 = 40 ปี
17. เลข 2 จำนวนมีผลบวกเท่ากับ 40 และผลต่างเท่ากับ 8 จงหาเลขจำนวนน้อย
1. 12 2. 14 3. 16 4. 18
เฉลยข้อ 3
แนวคิด ให้เลขจำนวนน้อยเป็น X
เลขจำนวนมากเป็น X + 8
และ X ( X + 8 ) = 40
2X = 40 - 8 = 32
X = 32 + 2 = 16
เลขจำนวนน้อย คือ 16 (จำนวนมากคือ 40 – 16 = 40)
18. แขกที่มาในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งมี 20 คน แต่ละคนจะต้องแลกของขวัญซึ่งกันและกันให้ครบทุกคน จงหาจำนวนของขวัญทั้งหมดว่ามีกี่ชิ้น
1. 360 ชิ้น 2. 380 ชิ้น 3. 390 ชิ้น 4. 400 ชิ้น
เฉลยข้อ 2
แนวคิด แขกที่มาในงานทั้งหมดมี 20 คน แขกแต่ละคนจะต้องเตรียมของขวัญมาให้แก่คนอื่น (ยกเว้นตนเอง) จำนวน 20 – 1 = 19 ชิ้น
แขกจำนวน 20 คน จะมีของขวัญทั้งหมด 20
19 = 380 ชิ้น
19. ถนนสายหนึ่งปักเสาเสาไฟฟ้าห่างกันต้นละ 120 เมตร ระยะเสาต้นที่ 1 ถึงต้นที่ 10 ห่างกันเท่าใด
1. 1 กิโลเมตร 80 เมตร 2. 1 กิโลเมตร 300 เมตร
3. 1 กิโลเมตร 600 เมตร 4. 1 กิโลเมตร 800 เมตร
เฉลยข้อ 1
แนวคิด ระยะจากเสาไฟฟ้าต้นที่ 1 ถึงต้นที่ 10 จะมี 9 ระยะดังนี้
แต่ละระยะจะห่างกัน 120 เมตร
9 ระยะจะห่างกัน 9
120 = 1,080 เมตร
1,080 เมตร = 1 กม. 80 ม.
20. ขณะนี้ลงมีอายุเป็น 3 เท่าของหลาน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อายุของหลานเป็น ของลุง ขณะนี้หลานอายุเท่าใด
1. 10 ปี 2. 15 ปี 3. 18 ปี 4. 20 ปี
เฉลยข้อ 2
แนวคิด สมมติขณะนี้หลายอายุ X ปี ลุงมีอายุเป็น 3 เท่าของหลาน
ลุงอายุ 3
X = 3X ปี
เมื่อ 10 ปีที่แล้วอายุของหลานเป็น (X-10) ปี และเมื่อ 10 ปีที่แล้วลุงอายุเป็น (3X – 10) เมื่อ 10 ปีที่แล้วหลานมีอายุ เป็น ของลุง
จะได้สมการดังนี้
(X – 10) = (3X – 10)
X-10 = X -
X - X = 10 -
=
7X – 3X = 70 - 10
4X = 60
X =
= 15
ดังนั้น ขณะนี้หลานมีอายุ 15 ปี
ความรู้เกี่ยวกับสินเชื่อ
1. สินเชื่อ คืออะไร
ก. ความเชื่อถือของผู้ให้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยมีสัญญากำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาการชำระคืนในอนาคต
ข. ความไว้วางใจของผู้ให้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยมีสัญญากำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาการชำระคืนในอนาคต
ค. ความเชื่อถือและไว้วางใจระหว่างบุคคล 2 ฝ่ายในการที่จะให้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยมีสัญญากำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาการชำระคืนในอนาคต
ง. ความเชื่อถือและไว้วางใจระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย และผู้ค้ำ 1 คน ในการที่จะให้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยมีสัญญากำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาการชำระคืนในอนาคต
ตอบ ค. ความเชื่อถือและไว้วางใจระหว่างบุคคล 2 ฝ่ายในการที่จะให้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยมีสัญญากำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาการชำระคืนในอนาคต
สินเชื่อ เป็นความ เชื่อถือและไว้วางใจระหว่างบุคคล 2 ฝ่ายในการที่จะให้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยมีสัญญากำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาการชำระคืนในอนาคต สินเชื่อจะ ให้ความสำคัญและคำนึงถึงในเรื่องของสภาพคล่อง อย่างสินทรัพย์ที่สามารถ เปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว มีเงินหมุนเวียนในกิจการอย่างไม่ขาดมือ เพียงพอที่จะจับจ่ายใช้สอยประจำวัน และมีเงินพอที่จะจ่ายให้กับเจ้าหนี้ทันทีทันใด
2. ความเชื่อถือที่ผู้ขายมีต่อผู้ซื้อ และยอมมอบสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ซื้อไปก่อนโดยยังไม่ต้องชำระเป็นเงินสด เป็นสินเชื่อประเภทใด
ก. สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน ค. สินเชื่อทางด้านการค้า
ข. สินเชื่อทางด้านผู้บริโภค ง. สินเชื่อทางด้านทรัพย์สิน
ตอบ ค. สินเชื่อทางด้านการค้า
สินเชื่อทางด้านการค้า หมายถึง ความเชื่อถือที่ผู้ขายมีต่อผู้ซื้อ และยอมมอบสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ซื้อไปก่อนโดยยังไม่ต้องชำระเป็นเงินสด แต่มีสัญญาการชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการนั้นในวันข้างหน้าตามการตกลงกัน ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งก่อให้เกิดภาวะความเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตามมา
3. สินเชื่อซึ่งก่อให้เกิดภาวะความเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตามมา คือสินเชื่อประเภทใด
ก. สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน ค. สินเชื่อทางด้านการค้า
ข. สินเชื่อทางด้านผู้บริโภค ง. สินเชื่อทางด้านทรัพย์สิน
ตอบ ค. สินเชื่อทางด้านการค้า ( ดูคำอธิบาย ข้อ 2 )
4. ความสามารถที่จะได้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยตกลงว่าจะนำเงินมาชำระค่าสินค้าหรือบริการในภายหน้า เป็นสินเชื่อประเภทใด
ก. สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน ค. สินเชื่อทางด้านการค้า
ข. สินเชื่อทางด้านผู้บริโภค ง. สินเชื่อทางด้านทรัพย์สิน
ตอบ ข. สินเชื่อทางด้านผู้บริโภค
สินเชื่อทางด้านผู้บริโภค หมายถึง ความสามารถที่จะได้สินค้าหรือบริการไปใช้ก่อน โดยตกลงว่าจะนำเงินมาชำระค่าสินค้าหรือบริการในภายหน้า
5. บริการชนิดหนึ่งของสถาบันการเงินที่ก่อให้เกิดรายได้หลักแก่สถาบันการเงิน เป็นสินเชื่อประเภทใด
ก. สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน ค. สินเชื่อทางด้านการค้า
ข. สินเชื่อทางด้านผู้บริโภค ง. สินเชื่อทางด้านทรัพย์สิน
ตอบ ก. สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน
สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน หมายถึง บริการชนิดหนึ่งของสถาบันการเงินที่ก่อให้เกิดรายได้หลักแก่สถาบันการเงิน คือดอกเบี้ยรับจากการให้สินเชื่อและค่าธรรมเนียมต่างๆ
6. รายได้หลักที่ได้จากการให้สินเชื่อทางด้านสถาบันการเงิน คืออะไร
ก. ค่าธรรมเนียม ค. เงินสด
ข. ดอกเบี้ย ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข ( ดูคำอธิบาย ข้อ 5 )
7. การแบ่งประเภทสินเชื่อตามระยะเวลา มีกี่ประเภท
ก. 3 ประเภท ค. 2 ประเภท
ข. 5 ประเภท ง. 4 ประเภท
ตอบ ก. 3 ประเภท ได้แก่ 1. สินเชื่อระยะสั้น 2. สินเชื่อระยะกลาง 3. สินเชื่อระยะยาว
การแบ่งประเภทสินเชื่อตามระยะเวลา
1. สินเชื่อระยะสั้น คือ สินเชื่อที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อการค้า เครื่องมือสินเชื่อประเภทนี้ เช่น ตั๋วเงินคลัง(Treasury Bills) และตราสารพาณิชย์ (Commercial Papers) เป็นต้น
2. สินเชื่อระยะกลาง คือ สินเชื่อที่มีอายุระหว่าง 1-5 ปี เช่น การผ่อนส่งการซื้อสินค้าคงทน เป็นต้น
3. สินเชื่อระยะยาว คือ สินเชื่อที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปเป็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินจำนวนมาก หรือเป็นการบริโภคสินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงมากเช่น บ้านและที่ดิน เป็นต้น
8. สินเชื่อที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี เป็นสินเชื่อประเภทใด
ก. สินเชื่อระยะสั้น ค. สินเชื่อระยะยาว
ข. สินเชื่อระยะกลาง ง. สินเชื่อเพื่อการบริโภค
ตอบ ก. สินเชื่อระยะสั้น
สินเชื่อระยะสั้น คือ สินเชื่อที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อการค้า เครื่องมือสินเชื่อประเภทนี้ เช่น ตั๋วเงินคลัง(Treasury Bills) และตราสารพาณิชย์ (Commercial Papers) เป็นต้น
9. ข้อใดคือสินเชื่อระยะยาว
ก. โทรศัพท์มือถือ ค. เครื่องใช้ไฟฟ้า
ข. บ้านและที่ดิน ง. บัตรเครดิต
ตอบ ข. บ้านและที่ดิน
สินเชื่อระยะยาว คือ สินเชื่อที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปเป็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินจำนวนมาก หรือเป็นการบริโภคสินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงมากเช่น บ้านและที่ดิน เป็นต้น
10. ข้อใด ไม่ใช่ ประเภทของสินเชื่อตามวัตถุประสงค์
ก. สินเชื่อเพื่อการบริโภค ค. สินเชื่อสำหรับธุรกิจ
ข. สินเชื่อเพื่อการลงทุน ง. สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์หรือสินเชื่อการค้า
ตอบ ค. สินเชื่อสำหรับธุรกิจ
การแบ่งประเภทของสินเชื่อตามวัตถุประสงค์
1. สินเชื่อเพื่อการบริโภค หมายถึง สินเชื่อที่ให้กับบุคคล เพื่อประโยชน์ในการนำมาบริโภค สินเชื่อประเภทนี้อาจเกิดขึ้นในหลายรูปแบบเช่น การเปิดบัญชีไว้กับร้านอาหาร เมื่อถึงสิ้นเดือนจึงชำระครั้งเดียว การผ่อนส่งจากการซื้อสินค้าโดยเฉพาะสินค้าคงทน เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์ รถยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้สินเชื่อจากบัตรเครดิตก็เป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภคเช่นกัน
2. สินเชื่อเพื่อการลงทุน อาจเป็นสินเชื่อเพื่อการจัดหาปัจจัยการผลิตหรือสินทรัพย์ถาวรต่าง ๆ เพื่อใช้ในการดำเนินการผลิตไม่ว่าจะเป็นในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบริการ สินเชื่อประเภทนี้มักเป็นสินเชื่อระยะยาวอาจอยู่ในรูปของการออกหุ้นกู้ หรือสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
3. สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์หรือสินเชื่อการค้า โดยทั่วไปเป็นสินเชื่อเพื่อการซื้อขายสินค้าประเภทวัตถุดิบ หรือการซื้อสินค้ามาจำหน่ายต่อ เป็นการรับสินค้ามาก่อน แล้วค่อยชำระค่าสินค้าภายหลังโดยทั่วไปจะเป็นสินเชื่อระยะสั้น เช่น 30-60 วัน เป็นสินเชื่อที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่การทำธุรกิจ ทั้งนี้รวมไปถึงการออก Letter of Credit เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงในการชำระค่าสินค้าจากการซื้อขายระหว่างประเทศด้วย
11. ข้อใดเป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภค
ก. บัตรเครดิต ค. เครื่องใช้ไฟฟ้า
ข. รถยนต์ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ ( ดูคำอธิบาย ข้อ 10 )
12. สินเชื่อสำหรับบุคคล เป็นสินเชื่อประเภทใด
ก. สินเชื่อตามผู้ขอรับสินเชื่อ ค. สินเชื่อตามวัตถุประสงค์
ข. สินเชื่อตามผู้ให้สินเชื่อ ง. สินเชื่อตามระยะเวลา
ตอบ ก. สินเชื่อตามผู้ขอรับสินเชื่อ
การแบ่งประเภทสินเชื่อตามผู้ขอรับสินเชื่อ
1. สินเชื่อสำหรับบุคคล มักเป็นสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น
2. สินเชื่อสำหรับธุรกิจ เป็นสินเชื่อสำหรับกิจการห้างร้านไม่ว่าจะนำไปใช้เพื่อลงทุนเพื่อการผลิตหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
3. สินเชื่อสำหรับรัฐบาล ในยามที่รัฐบาลมีรายได้ไม่เพียงพอแก่รายจ่ายหน่วยงานภาครัฐจึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินซึ่งอาจอยู่ในรูปของตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และพันธบัตรรัฐบาลรูปแบบต่าง ๆ เช่น พันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และพันธบัตรออมทรัพย์ เป็นต้น
13. ข้อใดเป็นการแบ่งประเภทสินเชื่อตามผู้ให้สินเชื่อ
ก. บุคคลเป็นผู้ให้ ค. หน่วยงานอื่น ๆ เป็นผู้ให้
ข. สถาบันการเงินเป็นผู้ให้ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
การแบ่งประเภทสินเชื่อตามผู้ให้สินเชื่อ
1. บุคคลเป็นผู้ให้ เช่น การให้กู้ยืมในหมู่คนรู้จัก ญาติพี่น้อง หรือการปล่อยกู้นอกระบบ เป็นต้น
2. สถาบันการเงินเป็นผู้ให้ ซึ่งสถาบันการเงินก็มีหลายประเภทและอาจตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เงื่อนไขและประเภทของวัตถุประสงค์ของการให้สินเชื่อก็อาจแตกต่างกันไป สถาบันการเงินเหล่านี้ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามและสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นต้น
3. หน่วยงานอื่น ๆ เป็นผู้ให้ เช่น มูลนิธิ องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร หน่วยงานการกุศล และกองทุนต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
14. การแบ่งประเภทสินเชื่อตามหลักประกัน มีกี่ประเภท
ก. 3 ประเภท ค. 2 ประเภท
ข. 4 ประเภท ง. ประเภทเดียว
ตอบ ค. 2 ประเภท
การแบ่งประเภทสินเชื่อตามหลักประกัน
1. สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน สินเชื่อประเภทนี้อาศัยความน่าเชื่อถือ เที่ยงตรง และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้เป็นเครื่องพิจารณาการให้สินเชื่อ สินเชื่อประเภทนี้จึงมีความเสี่ยงสูงเพราะไม่มีหลักประกันให้แก่ผู้ให้กู้ในกรณีที่เกิดการผิดสัญญาขึ้น
2. สินเชื่อที่มีหลักประกัน สินเชื่อประเภทนี้มีความเสียงต่ำกว่าเนื่องจากผู้กู้มีหลักประกันแก่ผู้ให้กู้เพื่อชดใช้ความเสียหายหากเกิดการผิดสัญญาขึ้น โดยหลักประกันดังกล่าวอาจอยู่ในรูปของอสังหาริมทรัพย์ เช่น การจำนองที่ดิน สังหาริมทรัพย์ เช่น พันธบัตร ทองคำ หรืออยู่ในรูปของการค้ำประกันจากบุคคลหรือสถาบันการเงิน (อาวัล) ก็ได้
15. สินเชื่อประเภทใดที่มีความเสี่ยงสูงมากที่สุด
ก. สินเชื่อสำหรับบุคคล ค. สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน
ข. สินเชื่อที่มีหลักประกัน ง. สินเชื่อสำหรับธุรกิจ
ตอบ ค. สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ( ดูคำอธิบาย ข้อ 14 )
16. สถาบันการเงินใช้ข้อมูลอะไรในการพิจารณาให้สินเชื่อ
ก. ข้อมูลส่วนตัวของผู้ขอสินเชื่อ
ข. ประวัติการขอสินเชื่อ และประวัติการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ
ค. นโยบายการให้สินเชื่อของแต่ละสถาบันการเงิน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อมูลสำคัญประกอบการพิจารณาสินเชื่อ
1. ข้อมูลส่วนตัวของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล เพศ สถานภาพสมรส อาชีพ รายได้ หลักทรัพย์ที่มีแหล่ง
ที่อยู่อาศัย ภาระหนี้ และประเภทหนี้ ตลอดจนวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ ซึ่งผู้ขอสินเชื่อต้องกรอกตามความเป็นจริง
ในใบสมัครขอสินเชื่อ
2. ประวัติการขอสินเชื่อ และประวัติการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ หรือที่เรียกว่าข้อมูลเครดิต โดยสถาบันการเงินจะตรวจสอบข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
3. นโยบายการให้สินเชื่อของแต่ละสถาบันการเงิน เช่น ต้องการบุกตลาดสินเชื่อรายย่อย รายกลาง SME หรือรายใหญ่ เป็นต้น ตลอดจนเครื่องมือ วิธีการและขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อที่แตกต่างกันไปในแต่ละสถาบันการเงิน
4. ปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้น ซึ่งอาจส่งผลต่ออาชีพของผู้ขอสินเชื่อ หรือเงื่อนเวลาในการ
ชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อได้
17. ข้อใด ไม่ใช่ การวิเคราะห์สินเชื่อตามหลัก 5’C
ก. CHARACTER ค. COFFERS
ข. CAPACITY ง. COLLATERALS
ตอบ ค. COFFERS
ในการวิเคราะห์สินเชื่อต้องคำนึงถึงข้อมูลประกอบการพิจารณาตามหลัก 5’C ได้แก่
1. อุปนิสัยของลูกค้า (CHARACTER)
2. ความสามารถในการชำระหนี้ (CAPACITY)
3. เงินทุน (CAPITAL)
4. หลักประกัน (COLLATERALS)
5. สถานการณ์ (CONDITION)
1. อุปนิสัยของลูกค้า (CHARACTER)
อุปนิสัยของลูกค้า เป็นปัจจัยสำคัญข้อแรกของการพิจารณาตัวผู้กู้ว่าเป็นคนอย่างไร มีความซื่อสัตย์สุจริตเพียงใด มีความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจที่ประกอบการขนาดไหน มีประวัติที่ไม่ดีทางด้านการเงินหรือไม่ หากเป็นลูกค้าเก่าของธนาคารก็จะดูได้จาก ผลการติดต่อกับทางธนาคารที่ผ่านมาว่า ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่มีไว้กับธนาคารดีหรือไม่ หรืออาจสืบจากวงการธุรกิจไม่ว่าจะเป็น SUPPLIERS หรือ CUSTOMER ของลูกค้าในตลาดว่าเป็นอย่างไร พึงระลึกว่าถ้าคนไม่ดีแล้ว ให้โครงการดีแค่ไหนก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นได้
2. ความสามารถในการชำระหนี้ (CAPACITY)
เป็นหัวใจสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อ เจ้าหน้าที่สินเชื่อต้องศึกษาถึงธุรกิจของลูกค้าว่ามีความสามารถในการชำระหนี้คืนให้กับธนาคารเพียงใด โดยส่วนใหญ่แล้วควรเป็นรายได้ที่ธุรกิจนั้นสามารถในการชำระหนี้คืนได้ หากวิเคราะห์แล้วพบว่าโครงการนั้น ๆ ไม่สามารถทำกำไรได้เพียงพอกับการชำระหนี้ ก็ไม่ควรพิจารณาให้สินเชื่อไป รายได้ที่จะนำมาชำระหนี้ควรเป็นรายได้สุทธิ จากการดำเนินธุรกิจหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆแล้ว และควรเป็นรายได้ประจำที่แน่นอนมากกว่าเป็นรายได้ชั่วครั้งชั่วคราว เช่น รายได้จากค่านายหน้าเกี่ยวกับเรื่องหนี้ เจ้าหน้าที่สินเชื่อควรจะต้องติดตามผลด้วยว่ามีการชำระหนี้คืนตามกำหนดหรือไม่ เพราะมักจะเกิดเหตุการณ์ดังนี้ขึ้นเสมอ ๆ คือเมื่อลูกค้ามีรายได้แล้วแทนที่จะนำมาชำระหนี้ กลับนำไปใช้ทางอื่น เช่น นำไปใช้ในการขยายกิจการโดยนำเงินทุนหมุนเวียนไปใช้ดำเนินการ ฉะนั้น การกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืน จึงเป็นส่วนสำคัญในการปล่อยสินเชื่อด้วย
3. เงินทุน(CAPITAL)
โดยทั่วไปแล้วสถาบันการเงินจะให้สินเชื่อแก่ธุรกิจใดก็ตามต้องพิจารณาด้วยว่า ผู้กู้ได้นำเงินทุนส่วนตัวมาลงทุนด้วยเท่าไร เพราะยิ่งผู้กู้นำเงินทุนส่วนตัวมาลงมากเท่าใด ความเสี่ยงของธนาคารก็น้อยลงเท่านั้น เพราะการที่ผู้กู้นำเงินทุนส่วนตัวมาลงมากก็จำเป็นอยู่เอง ที่จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจจนสุดความสามารถ ฉะนั้น สัดส่วนระหว่างเงินทันกับหนี้ (D/E RATIO) จะต้องมาพิจารณาด้วย ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับธุรกิจแต่ละประเภทว่าควรจะมี D/E RATIO เท่าไร เช่น ธุรกิจที่มีผลกำไรต่ำ ก็ควรต้องมีเงินลงทุนสูง เช่น ธุรกิจAPARTNENT ให้เช่า ซึ่งมีรายรับไม่มากนักเมื่อเทียบกับเงินลงทุน ผู้กู้คงต้องใช้เงินลงทุนของตนเองเป็นส่วนใหญ่ มองอีกด้านหนึ่ง ก็คือรายได้ของธุรกิจที่เป็นข้อกำหนดความสามารถในการขอสินเชื่อได้เป็นจำนวนเท่าไร แต่ในทางธุรกิจแล้วการที่ธุรกิจประสบผลสำเร็จได้นั้น จะต้องมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินงาน ดังนั้น เมื่อไม่สามารถขอสินเชื่อได้ตามที่กำหนด ผู้กู้ควรเพิ่มทุนเพียงพอ และธนาคารก็ไม่ควรที่จะให้กู้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่เพียงพอกับการประกอบธุรกิจ มิฉะนั้น จะเป็นผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย
4. หลักประกัน (COLLATERALS)
ในการวิเคราะห์สินเชื่อ ถึงแม้ว่าจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเป็นหัวใจสำคัญแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ หลักประกัน เพราะธุรกิจจะดีเพียงใดก็ตามอาจถูกสภาวะแวดล้อมหรือเหตุอันไม่คาดหมาย ทำให้ธุรกิจเกิดปัญหาได้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ธนาคารอาจได้รับก็คือหลักประกัน ซึ่งแล้วแต่การพิจารณาว่าควรมีหลักประกันมากน้อยเพียงไร โดยพิจารณาจากความเสี่ยง ถ้ามีความเสี่ยงน้อยหลักประกันก็น้อย ถ้ามีความเสี่ยงมากหลักประกันก็ควรมากเช่นกัน
แม้ว่าหลักประกันจะสำคัญมีอยู่บ่อยครั้งที่ธนาคารจะให้สินเชื่อชนิดที่ไม่มีหลักประกัน (CLEAN BASIS) เนื่องจากเห็นว่า ลูกค้ามีฐานะทางการเงินดี มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคม ติดต่อกับธนาคารมาเป็นเวลานาน และบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อที่ขอด้วยว่ามีความเสี่ยงเพียงใด อาจจะเสี่ยงน้อย เข่น การขอออก L/G (ยื่นซอง) โดยไม่เอางาน การขายลดงวดงาน ซึ่งผู้กู้ได้ส่งมอบงานแล้ว ขอรับเงินเท่านั้น หรือการเปิด L/C สั่งซื้อเครื่องจักร ธนาคารอาจเรียกหลักประกันแค่บางส่วน เพราะจะได้เครื่องจักรมาเป็นหลักประกันอีกส่วนหนึ่ง
5. สถานการณ์ (CONDITION)
เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอันมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาทางด้านนโยบายของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ปัญหาสิ่งแวดล้อม ความผันผวนของตลาด การขึ้นลงของราคาวัตถุดิบ เจ้าหน้าที่สินเชื่อควรวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ และคาดหมายสถานการณ์ล่วงหน้าที่เกิดขึ้นกับธุรกิจอยู่เสมอ หมั่นศึกษาและติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด ก็จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที วิธีลดความเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือ ไม่ควรปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากจนเกินไป ควรกระจายไปในธุรกิจหลาย ๆ ประเภท
18. ข้อใดคือหลักประกันที่สถาบันการเงินรับเป็นหลักประกัน
ก. อาคาร ที่ดิน ค. ทะเบียนรถ ใบหุ้น
ข. เงินฝาก พันธบัตร ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
หลักประกันที่สถาบันการเงินรับเป็นหลักประกันพอสรุปได้ ดังนี้
- เงินฝาก, พันธบัตร - ที่ดิน
- อาคาร - เรือ
- เครื่องจักร - ตั๋วสัญญาใช้เงิน
- ใบหุ้น - บุคคลหรือนิติบุคคล
- ทะเบียนรถ - สินค้า
- สิทธิการเช่า - สิทธิการรับเงิน
- หนังสือค้ำประกัน (L/G) - STAND BY L/C
19. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับแบ่งได้เป็นกี่ปะเภท
ก. 2 ประเภท ค. 4 ประเภท
ข. 3 ประเภท ง. ประเภทเดียว
ตอบ ก. 2 ประเภท
สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ต้องใช้หลักประกันในการขอสินเชื่อ
2. สินเชื่อเช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งในสินค้าที่ผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้จำหน่ายเอง เช่น ไปเช่าซื้อเครื่องซักผ้า
ที่ห้างสรรพสินค้า AA แต่ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องซักผ้าเครื่องนั้นจากบริษัท non-bank BB เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงการให้เช่าซื้อและให้เช่าซื้อแบบลีสซิ่งรถยนต์และจักรยานยนต์
20. สินเชื่ออยู่ในรูปแบบใดได้บ้าง
ก. สินค้า ค. เงิน
ข. บริการ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
สินเชื่อ หมายถึง อำนาจในการเข้าถึงการใช้สินค้าและบริการ โดยสัญญาว่าจะชดใช้คืนในอนาคต โดยสินเชื่ออาจอยู่ในรูปของสินค้าและบริการ หรือในรูปของเงินก็ได้ เนื่องจากในทางเศรษฐศาสตร์มองว่าหน่วยเศรษฐกิจในระบบเศรษฐกิจนั้นอาจมีลักษณะการใช้ทรัพยากรที่ไม่สมดุลกัน บางหน่วยเศรษฐกิจอาจมีความต้องการใช้สินค้าและบริการมากกว่าทรัพยากรที่ตนมีอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่บางหน่วยเศรษฐกิจอาจมีทรัพยากรเหลือใช้เกินความต้องการ หากมีการโอนทรัพยากรส่วนที่เหลือใช้ไปให้ผู้ที่มีความต้องการใช้ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ ทางกฎหมายเรียกหน่วยเศรษฐกิจที่เป็นผู้รับทรัพยากรนั้นว่าลูกหนี้ และเรียกหน่วยเศรษฐกิจที่เป็นผู้ให้ยืมทรัพยากรนั้นว่าเป็นเจ้าหนี้หรือผู้ให้สินเชื่อ
วิชาภาษาอังกฤษ
Choose the best answer to complete the dialogues.
เลือกคำตอบที่มีที่สุดในบทสนทนา
Conversation 1 : Two roommates are trying to decide what to have for dinner.
Pat : I’m too tried to cook. ............... (1) ............... ?
Linda : That would be nice. ............... (2) ............... ?
Pat : Let’s go the Chinese restaurant againg. I like the food there.
Linda : But we just went there last week. ............... (3) ............... .
Pat : The Thai restaurant? You mean the one opposite the Chinese restaurant?
Linda : ............... (4) ............... . I think the food at the Chines restaurant is rather only.
............... (5) ............... . Besid, the Thai food at that place is very delicious.
Pat : ............... (6) ............... ? Have you ever eaten there before?
Linda : Yes. A Thai friend took me to lunch there last month.
Pat : OK. Let’s go there, then.
บทสนทนา 1 : เพื่อนร่วมห้องสองคน แพทและลินดากำลังพยายามตัดสินใจว่าจะไปทานข้าวเย็นที่ไหนดี
1. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. Shall we have a rest 2. Let’s eat out tonight, okay
3. How about you 4. Whose turn is tonight
ตอบข้อ 2. Let’s eat out tonight, okay
คำอธิบาย บทสนทนาเริ่มด้วย แพท : “ฉันเหนื่อยเกินกว่าจะทำกับข้าว .....?”
แพทเริ่มต้นพูดว่าเหนื่อยเกินกว่าจะทำกับข้าว ดังนั้นจึงน่าจะเอ่ยชวนไปทานอาหารเย็นนอกบ้าน ข้อ 2. คืนนี้ไปทานข้าวนอกบ้านดีกว่าไหม ข้อนี้ถูกต้อง ส่วนข้ออื่นๆ ไม่เข้ากับคำพูดของแพทก่อนหน้า
2. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. Where would you like to go 2. Do you think we really are
3. Do we have enough time 4. Who would go with us
ตอบข้อ 1. Where would you like to go
คำอธิบาย ลินดา : “ก็ดีเหมือนกัน .....?”
แพท : “ไปที่ร้านอาหารจีนกันอีกดีกว่า ฉันชอบอาหารที่นั้น”
ดูจากคำตอบของแพทที่ชวนไปร้านอาหารจีน ลินดาจึงน่าจะถามว่าไปไหนดี ข้อ 1. “คุณอยากไปไหนล่ะ” จึงถูกต้อง ส่วนข้ออื่นๆ ไม่เข้ากับบทสนทนา
3. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. You may like to have Thai food, then
2. You can choose where you like to go
3. I’d rather go to the Thai restaurant instead
4. I’ve heard about a good Thai restaurant
ตอบข้อ 3. I’d rather go to the Thai restaurant instead
คำอธิบาย ลินดา : แต่เราเพิ่งไปที่ร้านนั้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว .......
แพท : ร้านอาหารไทยร้านนั้นนะเหรอ
คุณหมายถึงร้านที่อยู่ตรงข้ามร้านอาหารจีนนะเหรอ คำตอบที่แพทที่ถามว่าร้านอาหารไทยร้านนั้นนะหรือ แสดงว่า ลินดาต้องพูดว่าอยากไปร้านอาหารไทย ข้อ 3. จึงถูกต้อง
4. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. That’s right 2. Oh, come on
3. Really 4. That’s a good idea
ตอบข้อ 1. That’s right
คำอธิบาย ลินดา : ....... ฉันคิดว่าอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับอาหารจีนค่อนข้างจะมันไปหน่อย จากการที่แพทถามย้ำว่าใช่ร้านอาหารที่อยู่ตรงข้ามร้านอาหารจีนหรือเปล่า ลินดาจึงควรตอบว่า “ใช่แล้ว” ข้อ 1. จึงถูกต้อง That’s right = “ถูกต้องแล้ว”
5. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. But I like its atmosphere 2. I prefer Thai food to Chinese
3. And I don’t want to eat out 4. I enjoy all kinds of food
ตอบข้อ 2. I prefer Thai food to Chinese
คำอธิบาย ลินดา : ....... นอกจากนั้น อาหารไทยที่นั่นก็อร่อยมาก จากข้อมูลข้างหลังที่พูดถึงอาหารไทยที่ร้านนั้นอร่อยมาก ลินดาจึงน่าจะพูดที่เกี่ยวกับอาหารไทย ดังนั้น ข้อ 2. จึงถูกต้อง ข้อ 2. “ฉันชอบอาหารไทยมากกว่าอาหารจีน” ส่วนข้ออื่นๆ ไม่เกี่ยวกับอาหารไทย
6. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. Are you hungry 2. How do you like the food
3. Can you hurry up 4. How do you know
ตอบข้อ 4. How do you know
คำอธิบาย แพท : .......? คุณเคยทานที่นั่นมาก่อนหรือ
ลินดา : ใช่ เพื่อนคนไทยพาฉันไปทานอาหารกลางวันที่นั้นเมื่อเดือนที่แล้ว
แพท : งั้นไปที่นั่นกันเถอะ
แพทถามตามว่าคุณเคยไปที่นั่นแล้วหรือ แพทจึงน่าจะถามว่า “รู้ได้ไง” ข้อ 4. จึงถูกต้อง
Conversation 2 : Andy bought a shirt from a department store. When he got home, he foung and ink spot on the collar, so he goes back to the store to return it.
Salesperson : Good afternoon, Sir. ............... (7) ...............?
Andy : Yes, I’d like to get a return for this shirt.
Salesperson : ............... (8) ..............., sir, bacause it was on sale.
Andy : Then can I talk to the manager?
Salesperson : I’m sorry he’s not in right now. Er ............... (9) ..............., sir?
Andy : There’s an ink spot on the collar.
Salesperson : ............... (10) ............... .
Andy : Can’t I get a refung?
Salesperson : ............... (11) ..............., sir. We can only exchange it for you.
Andy : All right, then. Thank you.
บทสนทนา 2 : แอนดี้ซื้อเสื้อเชิร์ตจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเขากลับไปถึงบ้าน เขาพบรอยหมึกบนปกเสื้อ ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ร้านเพื่อขอเปลี่ยนตัวใหม่
7. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. Don’t you need help 2. Can I help you?
3. Are you looking for someone 4. Would you return the shirt
ตอบข้อ 2. Can I help you?
คำอธิบาย บทสนทนาเริ่มด้วย พนักงานขาย : “สวัสดีครับ .......?”
แอนดี้ : “ใช่ ผมอยากได้เงินคืน (refund) สำหรับเสื้อเชิร์ตตัวนี้”
เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านพนักงานขายมักจะถามว่า “Can I help you?” หรือ “May I help You?” ซึ่งความหมายว่า “จะให้ช่วยอะไรไหมครับ/ค่ะ” และลูกค้ามักจะตอบว่า “ใช่” ตามด้วยความต้องการของลูกค้า ข้อ 2. จึงถูกต้อง
8. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. I hope you don’t mind 2. This style was sold out
3. I think you’d better not 4. I’m afraid you can’t
ตอบข้อ 4. I’m afraid you can’t
คำอธิบาย พนักงานขาย : ....... เพราะเสื้อตัวนี้ลดราคาอยู่ครับ
แอนดี้ : งั้นขอพูดกับผู้จัดการหน่อยได้ไหม
จากเหตุผลที่พนักงานขายบอกว่าเสื้อตัวนี้ลดราคา และแอนดี้ขอพบผู้จัดการแสดงว่าพนักงานขายต้องบอกว่า ทำอะไรบางอย่างไม่ได้ ข้อ 4. จึงถูกต้อง “เกรงว่าคุณจะทำไม่ได้ครับ” คำว่า “I’m afraid” จะใช้เกริ่นก่อนที่จะบอกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ฟังอาจจะไม่พอใจหรือผิดหวัง
9. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. what’s the problem 2. what’s wrong with you
3. do you have any reason 4. may I return your shirt
ตอบข้อ 1. what’s the problem
คำอธิบาย พนักงานขาย : “ต้องขอโทษครับ ผู้จัดการไม่อยู่ครับ เอ้อ .......?”
แอนดี้ : “มีรอยหมึกอยู่บนปกเสื้อตัวนี้”
จากคำตอบของแอนดี้ที่ว่า “มีรอยหมึกที่ปก” แสดงว่าพนักงานขายน่าจะถามว่ามีปัญหาอะไร ข้อ 1. ถูกต้อง
10. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. It’s not our responsibility
2. I’m sorry to see you
3. You cant’ put the blame on us
4. In that case, we can get you a new one
ตอบข้อ 4. In that case, we can get you a new one
คำอธิบาย พนักงานขาย : ........................................
แอนดี้ : ขอเงินคืนไม่ได้หรือ
พนักงานขาย : ............... เราให้เปลี่ยนได้เท่านั้นครับ
แอนดี้ : งั้นก็ตกลง ขอบคุณ
จากคำพูดต่อมาที่พนักงานขายบอกกับแอนดี้ว่าเปลี่ยนได้เท่านั้น ในข้อนี้พนักงานขายจึงน่าจะเสนอวิธีการแก้ปัญหาด้วยการจะเปลี่ยนตัวใหม่ให้ ข้อ 4. จึงถูกต้อง
11. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. I don’t think that’s possible 2. I can’t make a decision now
3. I’m only an employee here 4. I don’t want to argue with you
ตอบข้อ 1. I don’t think that’s possible
คำอธิบาย จากบทสนทนาที่พนักงานขายเสนอที่จะเปลี่ยนได้ และแอนดี้ขอคืนเงิน ต่อมาพนักงานขายบอกว่า เปลี่ยนได้เท่านั้น พนักงานขายน่าจะพูดว่าคืนเงินไม่ได้ ข้อ 1. จึงถูกต้อง
Conversation 3 : Jinda, who has just arrived in Engloand, is very thirsty and wants to buy a drink from a vending machine.
Jinda : Excuse me, have you got any change?
Kate : Let me see ............... (12) ...............?
Jinda : For this vending machine. I haven’t got a 50 pence coin.
Kate : I’m sorry. I haven’t got any change either. Actually, you can use a pound coin in it. It will give you change.
Jinda : Oh, I see. Er ....... I’m sorry to trouble you again. ............... (13) ...............?
Kate : Sure. What would you like?
Jinda : A can of orange juice.
Kate : Insert the coin into this slot and ............... (14) ............... . There it goes.
Please don’t forget to pick up the change.
Jinda : Thank you very nuch.
Kate : ............... (15) ............... .
บทสนทนา 3 : จินดาเพิ่งเดินทางถึงประเทศอังกฤษ และรู้สึกกระหายและต้องการจะซื้อเครื่องดื่มจากตู้หยอดเหรียญ (vending machine)
12. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. What are you looking for 2. Who are you waiting for
3. What do you need it for 4. Which coin do you ask for
ตอบข้อ 3. What do you need if for
คำอธิบาย บทสนทนาเริ่มด้วย
จินดา : ขอโทษค่ะ คุณพอมีเศษสตางค์ (change) ไหมค่ะ
เคท : ขอดูก่อนนะคะ ....................?
จินดา ; สำหรับ (for) ตู้หยอดเหรียญเครื่องนี้ค่ะ ดิฉันไม่มีเหรียญ 50 เพน
จินดาตอบว่าสำหรับตู้หยอดเหรียญ เคทจึงน่าจะถามว่า ต้องการเศษสตางค์ไปทำไม ข้อ 3. จึงถูกต้อง “คุณต้องการเศษสตางค์ไปทำไม” คำว่า What .......... For?
13. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. Can you show me how it works 2. Would you do me a favor
3. Do you have some fizzy drinks 4. May I use a pound coin
ตอบข้อ 1. Can you show me how it workd
คำอธิบาย เคท : ขอโทษค่ะ ดิฉันก็ไม่มีเศษสตางค์เหมือนกัน จริงๆ แล้วคุณก็ใช้เหรียญปอนด์หยอดได้เหมือนกันนะ ตู้ก็จะทอนสตางค์ให้คุณ
จินดา : อ๋อ เข้าใจล่ะ (I see) เอ้อ ............... ขอโทษที่ต้องรบกวนอีกครั้งหนึ่ง ....................?
เคท : ได้เลย (sure) คุณจะดื่มอะไรล่ะ
จินดา : น้ำส้มกระป๋องหนึ่งค่ะ
ดูจากเคทตอบว่า ได้เลย และขอรบกวนอีกครั้ง แสดงว่าจินดาน่าจะขอร้องให้ช่วยบางอย่าง ดูจากบทสนทนาที่ต่อเนื่องมา เคทพูดถึงวิธีการหยอดเหรียญ จินดาคงจะขอให้เคทแสดงวิธีใช้ตู้หยอดเหรียญ ข้อ 1. จึงถูกต้อง
14. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. wait for a while 2. pick up a can
3. collect a cup near the slot 4. press this button
ตอบข้อ 4. press this button
คำอธิบาย เคท : หยอด (insert) เหรียญเข้าไปในช่องหยอดเหรียญ (slot) และ ............... นั่นไงลงไปแล้ว (There it goes) อย่าลืมหยิบเศษสตางค์นะคะ
จากประโยคหลังที่นั่นไงลงไปแล้ว แสดงว่าข้อนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการหยอดเหรียญอยู่ ยังไม่สิ้นสุดการหยอดเหรียญ ข้อ 4. จึงถูกต้อง
15. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. No worry 2. Not at all
3. Some to you 4. Good luck
ตอบข้อ 2. Not at all
คำอธิบาย จินดา : ขอบคุณมากค่ะ
เคท : ....................
จินดากล่าวขอบคุณ เคทจึงน่าจะตอบกว่า ไม่เป็นไร ข้อ 2. จึงถูกต้อง “Not at all” = ไม่เป็นไร ใช้ตอบรับคำขอบคุณ
Conversation 4 (16-17)
Maureen : The mail-carrier just brought as registered package for you.
It’s from Japan.
Wenday : I haven’t been expecting anything. Oh, ............... (16) ............... . I was told that she’d moved to Toky.
Maureen : ............... (17) ............... .
Wendy : Her husband is doing some research in biology.
บทสนทนา 4 : เป็นสนทนาระหว่างเพื่อนสองคนเกี่ยวกับพัสดุไปรษณีย์ที่ได้รับ
16. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. It will be forwarded 2. It’s the wrong address
3. It can be a nice change 4. It must be from my cousin, Betty
ตอบข้อ 4. It must be from my cousin, Beety
คำอธิบาย บทสนทนาเริ่มด้วย
มอรีน : บุรุษไปรษณีย์ (mail-carrier) เพิ่งมาส่งพัสดุลงทะเบียนของคุณ
พัสดุมาจากญี่ปุ่น
เวนดี้ : “ฉันไม่ได้กำลังคอยอะไรอยู่นี่ โอ้ .......... มีคนบอกฉันว่าเธอย้ายไปอยู่โตเกียว
จากการอุทานว่า “โอ้” แสดงว่ามีการคาดเดาเกินขึ้นว่าน่าจะเป็นใคร ข้อ 4. “มันคงจะมาจากลูกพี่ลูกน้องฉันที่ชื่อ “เบ็ตตี้” ” จึงถูกต้อง
17. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. Who’s she going with? 2. What’s she doing there?
3. What does she do for a living? 4. How long has she been there?
ตอบข้อ 2. What’s she doing there?
คำอธิบาย มอรีน : “....................”
เวนดี้ : “สามีไปทำวิจัยทางด้านชีววิทยาที่นั่น”
จากคำตอบของเวนดี้ว่าสามีของลูกพี่ลูกน้องไปทำวิจัยที่ญี่ปุ่น มอรีนจึงน่าจะถามว่าเธอไปทำอะไรที่ญี่ปุ่น ตรงกับ ข้อ 2. ถูกต้อง
Conversation 5 (18-22)
Laura : ............... (18) ............... . Doing the test is horrible.
Donna : ............... (19) ............... . And what did your instructor ............... (20) ...............?
Laura : He said I have to work harder and see him more.
Donna : Why don’t you ............... (21) ...............?
Laura : Do you really think so? I’m so nervous.
Donna : Sure, ............... (22) ............... .
บทสนทนา 5 : เป็นบทสนทนาระหว่างเพื่อนคนหนึ่งที่สอบตกและเพื่อนอีกคนให้กำลังใจให้ไปสอบอีกครั้ง
18. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. I’m doing well 2. I’ve failed twice
3. I got off to a flying start 4. I took it as a grain of salt
ตอบข้อ 2. I’ve failed twice
คำอธิบาย ลอร่า : “.......... การสอบเป็นสิ่งที่แย่มาก (horrible)”
ถ้าลอร่าคิดว่าการสอบเป็นสิ่งที่แย่มากแสดงว่าเธอต้องทำข้อสอบได้ไม่ดี ข้อ 2. จึงถูกต้อง (I’ve failed twice)
19. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. I’m feeling a bit out of softs
2. I’ll never be able to clarify it
3. I really think it’s at the deep end
4. I know exactly what you’re talking about
ตอบข้อ 4. I know exactly what your’re talking about
คำอธิบาย ดอนน่า : “.......... และครูที่สอนพูดว่าอย่างไร”
ตอนน่าน่าจะแสดงความเห็นใจกับการสอบตกของลอร่า ข้อ 4. จึงถูกต้อง “ฉันเข้าใจดีว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”
20. เลือกคำตอบที่ดีที่สุด
1. talk 2. tell
3. say 4. speak
ตอบข้อ 4. spaek
คำอธิบาย ลอร่า : “ครูพูดว่าฉันต้องทำงานหนักขึ้นและไปพบครูบ่อยขึ้น”
ดูจากคำตอบของลอร่าที่ใช้ “said” ดออน่าจึงน่าจะถามว่า ครูพูดว่า (say) อะไร ข้อ 4. จึงถูกต้อง